เรือนเพาะชำกล้าไม้ (กล้าชา)

เกษตรกรตัวอย่าง

ผมได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม VSLA และเป็นเกษตรกรผู้สาธิตการทำเรือนเพาะชำกล้าไม้ โดยเฉพาะการเพาะกล้าชา ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่เนื่องจากไม่มีความรู้และทุนมาก่อน ต้องขอบคุณมูลนิธิพัฒนาพื้นที่สูง/UHDF ที่ให้โอกาสและสนับสนุนด้านความรู้ ตั้งแต่เริ่มหว่านเมล็ด ปัจจุบันสามารถเพาะกล้าชาได้สำเร็จ มีต้นกล้าชาประมาณ 10,000 กล้าในโรงเพาะชำแล้ว
คุณ A-To
เกษตรกรลุ่มน้ำแม่ตาช้าง

เป้าหมายของผมในอนาคตคือผมอยากมีแปลงวนเกษตรสวนชานอกเหนือจากแปลงปลูกข้าวโพด

อนาคตคิดว่าชาสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้นอกเหนือจากผลผลิตพืชอื่นๆที่ปลูกไว้

ผมอยากมีสวนไร่ชาเป็นของตนเองเพราะครอบครัวได้มีการปลูกข้าวโพดมาโดยตลอดทำให้มีรายได้แค่ปีละครั้งและการปลูกข้าวโพดนอกจากลงทุนเยอะแล้วทำให้คุณภาพของดินนั้นเสื่อมเสีย ดังนั้นจึงอยากมาทำสวนไร่ชาบ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากกำลังเริ่มต้นเพาะเลี้ยงกล้าชาอยู่

สิ่งที่ผมได้ทำและภาคภูมิใจในการเข้าร่วมโครงการและทำกิจกรรมคือการได้ทำเรือนเพาะชำกล้าไม้ เรื่องการเพาะกล้าชา เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเรียนรู้และไม่เคยทำมาก่อนแต่เมื่อเริ่มต้นเตรียมเรือนเพาะชำจนกระทั่งหว่านเมล็ดชาและได้เห็นกล้าชาที่กำลังเติบโตทำให้ผมรู้สึกภูมิใจ แต่สิ่งนี้เป็นการเตรียมการที่จะปลูกในพื้นที่เท่านั้น มากกว่านั้นผมมีความคาดหวังและตั้งใจมากที่จะปลูกกล้าชาเหล่านี้ในพื้นที่แปลงที่ดินของผมในอนาคตอันใกล้นี้

จากเมื่อก่อนครอบครัวของผมไม่ค่อยมีกิจกรรมให้ทำนอกเหนือจากดูแลสวนและทำไร่เมื่อมาเข้าร่วมโครงการได้มีกิจกรรมร่วมกันทำและช่วยกันมากขึ้นในการทำกิจกรรมดูแลกล้าไม้ในเรือนเพาะชำ ที่เพาะกล้าชาไว้ทำให้มีเวลาพูดคุยและความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น นอกจากนี้มีการรวมตัวกันทำกิจกรรมต่างๆกับสมาชิกในกลุ่ม VSLA และคนในชุมชน ได้เจอกัน ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่นปลูกป่า ประชุม ออมทรัพย์ การทำการทดลองโรงเรียนเกษตรกร ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาไม่ได้มีการรวมตัวกันทำกิจกรรมแบบนี้มาก่อนในชุมชน

ก่อนหน้านี้ในชุมชนยังไม่มีใครทำเรือนเพาะชำกล้าไม้มาก่อน จนกระทั่งผมได้เข้าร่วมโครงการกับมูลนิธิฯ หลังจากนั้นก็ได้รับการส่งเสริมการทำเรือนเพาะชำกล้าไม้ในชุมชน และได้เป็นเกษตรกรผู้สาธิตการเพาะกล้าไม้ แม้ในช่วงแรกจะรู้สึกไม่มั่นใจเนื่องจากไม่มีประสบการณ์มาก่อน แต่เมื่อได้ลงมือทำก็เริ่มรู้สึกชอบและเห็นประโยชน์ของการเพาะชำ โดยเฉพาะในด้านการเพาะเลี้ยงกล้าชา จากการทดลองและได้รับการอบรมจากเจ้าหน้าที่ ทำให้ผมสามารถพัฒนาทักษะและความรู้เกี่ยวกับการดูแลกล้าชา จนกระทั่งเพื่อนบ้านในชุมชนเริ่มให้ความสนใจและเห็นเป็นแบบอย่าง สามารถนำความรู้ไปปรับใช้และต่อยอดได้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยให้ชุมชนมีองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการเพาะชำกล้าไม้ ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ต่อไปในอนาคต